|  
       ตัวต้านทานแบบอื่นๆ 
       สำหรับงานที่ต้องการค่าความต้านทานต่ำๆ 
        หรือ ใช้กับกระแสสูงๆ. ตัวต้านทานแบบพันแถบข้าง ( edge - wound ribbon type 
        ) ได้รับการออกแบบมาสำหรับทนกำลังงานได้ถึง 1,000 วัตต์ ( ที่ กระแสสูงถึง 
        100 แอมป์ ) ตัวต้านทานชนิดนี้ ทำจากการนำเอาแถบเหล็กกล้าพันให้อยู่ในรูปคอล์ย 
        และ รองรับโดยฉนวนที่ ทำจากเซรามิก โดยทั่วไปแล้วจะทำงานโดยมี อุณหภูมิสูงถึง 
        375 องศาเซนติเกรด. นิยมใช้ในการทดสอบแหล่งจ่ายไฟ และ ในระบบหยุดมอเตอร์ 
         
       ตัวต้านทานแบบเซอร์เมต 
        ทำมาจากการรวมผงเซรามิก หรือ แก้วกับโลหะ มี ค่า เช่น ทอง เงิน ทองคำขาว. 
        ตัวต้านทาน ชนิดนี้มีเสถียำภาพดีมากภายใต้สภาวะแวดล้อมที่มีความชื้น และ 
        มีค่าสัมประสิทธิ์ ต่ออุณหภูมิต่ำเท่ากับ บวกลบ 100 PPM / องศาเซลเซียล โปเทนชิโอมิเตอร์ 
        แบบที่ใช้พลาสติกเป็นตัวนำ หรือ ทำจากผงคาร์บอนอัดขึ้นรูปขณะร้อน จะมีค่าสัมประสิทธิ์ต่อ 
        อุณหภูมิเฉลี่ยเท่ากับ บวกลบ 
        1000 PPM / องศาเซลเซียลในตัวต้านทานแบบปรับค่าได้นั้น. 
        เรื่องจากชิ้นส่วนเป็นเซอร์เมตนั้นมี ความคม และ การหมุนปรับค่าความต้านทานบ่อยๆ 
        จะทำให้แกนที่หมุน แตะชิ้นส่วนที่เป็นความต้านทานสึกหรอ เร็วกว่าแกนที่ หมุนแตะในแบบฟิล์มตัวต้านทาน 
        หรือ มรแบบพลาสติกที่นำไฟฟ้า โปเทนวิโอมิเตอร์แบบเซอร์เมตนั้น ผลิตออกมาโดยที่มีค่า 
        ความต้านทานต่ำ ซึ่งมีประโยชน์ในงานเกี่ยวกับ เครื่องเสียง เซอร์เมต. นอกจากนี้ยังทำเป็นแบบฟิล์มหนาที่ทำเป็นตัวต้านทานหลาย 
        ๆ ตัวในโครงสร้างเดียวกัน และ แบบชิพ  
       ส่วนโปเทนชิโอมิเตอร์แบบที่ใช้พลาสติกเป็นตัวนำนี้ 
        จะประกอบด้วยส่วนผสมของเรซิน ( อีพ๊อกซี่ , โพลีเอสเตอร์ ,ฟีนอลลิก หรือ 
        โพลีอะไมด์ ) และ ผงคาร์บอน แล้วจึงฉาบลงบนพลาสติก หรือ ฐานที่เป็นเซรา มิก 
        ฐานที่เป็นพลาสติกนั้น ให้ผลในด้านค่าสัม ประสิทธิ์ต่ออุณหภูมิดีกว่า. เนื่องจากการเข้ากันได้ดีกว่าระหว่างหมึก 
        และ ตัวฐาน. ตัวต้านทานชนิดนี้จะมีอายุงานในการหมุนนาน และ การแปรเปลี่ยนค่าความต้านทานของหน้าสัมผัสที่ดีเยี่ยม 
        หรือ ให้ค่าสัญญาณรบกวนต่ำ. ความต้านทานด้านปลายทั้งสองมีค่า ต่ำ. ค่าสูงสุดเพียง 
        2 โอห์ม เท่านั้น  
       ตัวต้านทานแบบที่ใช้พลาสติกเป็นตัวนำนั้น 
        เหมาะสำหรับใช้งานซึ่งต้องการค่าสัมประสิทธิ์ต่ออุณหภูมิ ที่ไม่เปลี่ยน แปลง 
        ตลอดย่านอุณหภูมิที่จำกัด เช่น - 25 องศาเซลเซียล 
        ถึง 75 องศาเซลเซียล 
        ค่าสัมประสิทธิ์ต่ออุณหภูมิเท่ากับ - 200 PPM / องศาเซลเซียล 
         นั้น. สามารถทำได้โดยขบวนการพิเศษในการเตรียมสารคาร์บอน 
        หรือ โดยการรวมผงโลหะ หรือ เกล็ดของโลหะ เข้าไปในส่วนผสมด้วย. ส่วนนิกเกิล 
        เงิน และ ทองแดงนั้น นิยมใช้ผสมในตัวต้านทานที่มีค่าต่ำๆ. ตัวต้านทานแบบพลาสติกที่นำ 
        ไฟฟ้านั้นก็คล้ายๆกับตัวต้านื่ทานแบบคาร์บอน นั้นคือ ค่าจะเปลี่ยนไปเมื่อถูกนำ 
        ไปใช้ในที่มีความชื้น. ในรูปที่ 3 ได้แสดงให้เห็น ถึงตัวต้านทานแบบเซอร์เมต 
        แบบคาร์บอน และ แบบพลาสติกที่นำไฟฟ้า 
        
      รูปที่ 3 วัสดุที่ใช้ทำตัวต้านทานในโปแทนชิโอมิเตอร์เรียงจากซ้านไปขา 
        เซอร์เมต คาร์บอน และพลาสติกตัวนำ 
       สำหรับโปเทนชิโอมิเตอร์แบบไฮบริดนั้น 
        เป็นตัวต้านทานแบบลวดพันโดยมีพลาสติกที่นำไฟฟ้า ฉาบตลอดระยะทางของ หน้าสำผัสของสารที่ใช้ทำตัวต้านทาน 
        ซึ่งมีผลทำให้ตัวต้านทานชนิดนี้มีค่าความละเอียดดีกว่า และ ยังมีอายุนานกว่าด้วย 
        ประมาณ 10 เท่า ของแบบลวดพัน เมื่อเปรียบเทียบกับตัวต้านทาน แบบที่ใช้พลาสติก 
        ที่นำไฟฟ้าแล้ว. ตัวต้านทานแบบไฮบริด นี้จะมีความสามารถในการรับค่ากำลังงานที่สูงกว่าเนื่องจากลวดที่พัน 
        อยู่ซึ่งก็คล้ายกับแบบลวดพัน อย่างไรก็ตาม ตัวต้านทานชนิด นี้ จะมีค่าความจุไฟฟ้าหลงเหลือที่ 
        ความถี่ที่สูงกว่า และ มีค่าความต้านทานของหน้าสัมผัสสูงกว่า. โดยมีความเรียบของ 
        ขอบ สัญญาณเอาต์พุต เมื่อดึงกระแสผ่านหน้า สัมผัสที่หมุนแตะชิ้นส่วนที่เป็นความต้านทาน 
        
      ตัวต้านทานแบบโปแทนชิโอมิเตอร์ 
       ในตารางที่1 
        ได้รวบรวมตัวต้านทานชนิดต่างๆ ที่มีขายกันในท้องตลาด โดยจะกล่าวถึงคุณสมบัติต่างๆ 
        ที่เหมาะสมกับ ตัวต้านทานชนิดนั้นๆ และ ตัวประกอบการลดค่า ( derating factor 
        ) การใช้ตัวประกอบการลดค่านั้น เป็นประโยชน์สำหรับ ลดอัตราการผิดพลาดในการทำงานของอุปกรณ์ลง. 
        ทั้งนี้เนื่องจากอายุการใช้งานนั้น ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ เป็นหลัก อัตราการลดค่า 
        นั้นสามารถบรรลุผลสำเร็จได้โดยการลดส่วนที่กดดันอยู่ เช่น กำลังงาน แรงดัน 
        กระแส หรือ โดยการเลือกชิ้นส่วนที่มีอัตราการ ทำงานที่สูงขึ้น. อัตราการลดค่าที่เหมาะสมจะอยู่ที่จุดเท่ากับ 
        หรือ ต่ำกว่า. จุดซึ่งการเพิ่มขึ้นของค่าความเค้น หรือ อุณหภูมิที่ ทำงานมีผลทำให้อัตราการผิดพลาดของการทำงานมีค่าสูงขึ 
       ค่า 
        และ อัตราการทำงานที่แสดงในตารางที่ 1 นั้น เป็นเพียงแนวทางเท่านั้น ซึ่งสามารถใช้ได้กับตัวต้านทาน 
        ส่วนใหญ่ ที่มีใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้. และ เป็นไปไม่ ได้ที่จะพบตัวต้านทานซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างเล็กน้อย 
        หรือ อย่างมากกับค่าใน ตารางนี้. คุณจะพบว่าตัวต้านทานทั้งหลายที่มีขายอยู่ในท้องตลาดเวลานี้มีอยู่หลายชนิด 
        ซึ่งแต่ละชนิดก็มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกัน และ ในการเลือกใช้งานก็มีสิ่งที่ต้องนำมาพิจารณากันหลายข้อ. 
        หลังจากทำความเข้าใจถึงคุณสมบัติของตัวต้านทานแต่ละชนิด แล้วต่อไปคุณก็คงเข้าใจวิธีเลือกใช้ตัวต้านทาน 
        ให้เหมาะกับงานของคุณนะครับ 
      ตารางที่ 
        1แนวทางในการเลือกใช้ตัวต้านทาน 
        
          
         
        
          
       |