การทำงานของหรีดรีเลย์
 เรื่องราวเกี่ยวกับลักษณะ
และ ส่วนประกอบที่จะทำให้เป็นรูปเป็นร่างของหรีดรีเลย์ขึ้นมาได้นั้น. คุณผู้อ่านก็คงพอจะทราบแล้วนะครับ
พอมาถึงตอนนี้ เราจะเริ่มการทำงานของหรีดรีเลย์กันเลย ขอให้ดู รูปที่ 4 พร้อมทั้งคำอธิบายประกอบ

รูปที่ 4 แสดงการทำงานของหรีดรีเลย์หน้าสัมผัสแบบ
A
จากรูปที่
4 เป็นหรีดรีเลย์แบบ A คือ ขณะยังไม่ทำงานหน้าสัมผัสยังไม่ต่อกัน ในรูป 4
ก. เป็นรีเลย์ในสภาพปกติ ยังไม่มีกระแสผ่านขอลวดซึ่งอยู่รอบๆ หลอดแก้ว (
ในที่นี้ไม่แสดงขอลวดให้เห็น ) หรีดทั้งสอง ที่อยู่ในหลอดแก้ว มีความยาวเท่ากัน
และ จะเคลื่อนตัวได้เมื่อเกิดอำนาจแม่เหล็กขึ้น. พอจ่ายกระแสผ่านขดลวดทำให้เกิดสนามแม่เหล็ก
และ มี ขั้วต่างกัน ดังในรูปที่ 4 ข. สนามแม่เหล็กเมื่อมีค่ามากพอหรีดทั้งสองก็จะต่อกัน.
ดังรูปที่ 4 ค. เมื่อหยุดจ่ายกระแสให้ขดลวดสนามแม่เหล็ก ก็จะลดลงจนถึงจุดที่ไม่สามารถจะเอาชนะแรงสปริงของหรีดได้.
หรีดก็จะแยกออกจากกันกลับสู่สภาพเดิม ดังในรูปที่ 4 ก. อีกครั้ง.
ในรูปที่
5 เป็นหรีดรีเลย์ซึ่งมีหน้าสัมผัสเป็น แบบ B หรือ Break หน้าสัมผัสในสภาพปกติจะต่อกันอยู่จะสังเกตุ
ได้ว่า หรีดรีเลย์ในรูปนี้มีความยาวของหรีดไม่เท่ากัน. หรีดที่อยู่ส่วนบนจะสั้นกว่า
หรีด อันล่าง ขณะที่รีเลย์ทำงาน จะมีหรีดเพียงอันเดียวเท่านั้นที่เคลื่อนที่
คือ หรีด อันล่างส่วนหรีดอันบนนั้น จะถูกตรึงอยู่กับที่.

รูปที่ 5 หรีดรีเลย์หน้าสัมผัสแบบ
B
หรีดทั้งสองต่อกันได้ด้วยแรงบังคับทางกลไก
ดังนั้น จึงอาจจะเรียกรีเลย์แบบนี้ว่า " machanically biased " หลักการทำงานของหรีดรีเลย์แบบนี้ก็เช่นเดียวกับหรีดรีเลย์หน้าสัมผัสแบบ
A ต่างกันก็ตรงที่ว่า หรีด รีเลย์ แบบ B นี้ เมื่อจ่ายกระแสผ่านขดลวดจะทำให้หน้าสัมผัสอันล่างแยกออกจากหน้าสัมผัสอันบน.
พอหยุดจ่ายกระแสหน้าสัมผัสก็จะกลับมาต่อกันอีก.
รูปที่
6 เป็นหรีดรีเลย์แบบ C เป็นแบบ Bread make หรือ transfer. หรีดรีเลย์แบบ
C มีหน้าสัมผัสอยู่ 3 อัน. สองอันบนมีความยาวเท่ากัน อันล่างยาวทีสุด และ
จะเป็นตัวเคลื่อนที่ระหว่างหรีดสองอันข้างบนอยู่กับที่.

รูปที่ 6 หรีดรีเลย์หน้าสัมผัสแบบ
C
รูปที่
6 ก. รีเลย์ยังไม่ทำงาน หน้าสัมผัส 1 และ 2 จะต่อกันอยู่โดยการบังคับทางกลไก.
เมื่อจ่ายกระแสผ่านขดลวด ทำให้หรีดทั้ง 3 อัน กลายเป็นแม่เหล็ก. หรีดอันบนทั้งสองจะมีขั้วเหมือนกัน
ส่วนหรีดอันล่างจะมีขั้วต่างกับสองอันข้างบน ( ดูรูป 6 ข. ) เมื่อสนามแม่เหล็กมีค่ามากพอ
หรีด 1 จะไปต่อกับหรีด 3.
คุณอาจจะสงสัยว่า
หรีด 2 กับหรีด 3 นั้น. ต่างก็มีความยาวเท่ากัน มีขั้วแม่เหล็กเหมือนกัน
มิหนำซ้ำ หรีด 2 กับหรีด 1 ก็ต่อกันอยู่แล้วขณะที่เกิดอำนาจแม่เหล็กขึ้น
หรีด 1 กับหรีด 2 น่าจะต่อกันได้แน่นยิ่งขึ้นแต่เหตุไฉนหรีด 1 จึงเคลื่อนไปต่อกับหรีด
3 ได้. การที่หรีด 1 ไปต่อกับหรีด 3 ได้ เนื่องจากโครงสร้างของหรีด 2 และ
หรีด 3 ไม่เหมือนกัน กล่าวคือ หรีด 2 นั้น เฉพาะที่ผิวของหรีดจะติดไว้ด้วยสารที่ไม่เป็นแม่เหล็ก
ดังนั้น หรีด 3 จึงมีผลตอบสนองต่อสนามแม่เหล็กได้ดีกว่าหรีด 2 แม้ว่า หรีด
2 กับหรีด 1 จะมีแรงบังคับให้ต่อกันอยู่ก็ตาม พอหยุดจ่ายกระแสผ่านขอลวดหรีด
1 ก็จะกลับไปต่อหรีด 2 ตามเดิม.
รูปที่
7 เป็นหรีดรีเลย์ที่มีหน้าสัมผัสเป็นแบบ C เช่นเดียวกับในรูปที่ 6 แต่หรีด
1 กับ หรีด 2 ถูกบังคับให้ต่อกัน โดยอาศัยอำนาจของแม่เหล็กถาวรซึ่งติดอยู่ตอนกลางของหรีด
2 . หรีดรีเลย์แบบนี้เป็นแบบ " magnetically biased " คือ อาศัยอำนาจแม่เหล็กถาวรบังคับให้หรีดต่อกันขณะที่รีเลย์ยังไม่ทำงาน
หรีดจะอยู่ในสภาพดังรูปที่ 7 ก. สนามแม่เหล็กอันเกิดจากการจ่ายกระแสผ่านขอลวดจะทำให้หรีด
1 ไปต่อกับหรีด 3 ดังในรูปที่ 7 ข.

รูปที่ 7 หรีดรีเลย์หน้าสัมผัสแบบบ
C ใช้แม่เหล็กถาวร
การทำงานให้หรีดต่อกันโดยใช้แม่เหล็กถาวรช่วย
หรือ ที่เรียกว่า magnetically bias นอกจากจะใช้กับหรีดรีเลย์ที่มีหน้าสัมผัสแบบ
C แล้ว ยังใช้ได้กับหน้าสัมผัสแบบ B ด้วย ดังในรูปที่ 8.
แม่เหล็กถาวรซึ่งวางแนบอยู่ทางด้านข้างของหลอดแก้ว
ต่อกันดังรูปที่ 8 ก. เมื่อมีสนามแม่เหล็กของหรีดเปลี่ยนไป ในทิศทางตรงกันข้าม.
สนามแม่เหล็กจากขดลวดจะทำให้หรีดที่ต่อกันอยู่แยกออกดังรูปที่ 8 ข. พอหยุดจ่ายกระแสให้ขดลวดแม่เหล็กถาวร
ก็จะมีอำนาจดึงดูดทำให้หรีดต่อกันอีก.

รูปที่ 8 หรีดรีเลย์หน้าสัมผัสแบบ
B ใช้แม่เหล็กถาวร
|