|  
       หรีดรีเลย์แบบอื่น ๆ 
        หรีดรีเลย์นั้นคุณได้ทราบมาแล้วว่า 
        ประกอบด้วยหลอดแก้วบรรจุหรีด และขดลวด หลอดจะสวมอยู่ในขดลวดอีกที่หนึ่ง ขดลวด 
        1 ชุด ไม่จำเป็นต้องมีหลอดแก้วบรรจุหรีดเพียงหลอดเดียว. อาจจะมีจำนวนหลายๆ 
        หลอดก็ได้.  
       จากรูปที่ 
        9 จะเห็นว่าภายในขดลวด 1 ชุด ประกอบด้วยหลอดแก้วบรรจุหรีดถึง 4 หลอดด้วยกัน. 
        หรีดรีเลย์ในรูปนี้มีหน้าสัมผัสอยู่ 2 แบบ คือ แบบ A และ แบบ B . หรีด 3 
        ชุดบนเป็นหน้าสัมผัสแบบ A อันล่างสุดเป็นหน้าสัมผัสแบบ B . หรีดรีเลย์ตัวนี้จึงเขียนสัญลักษณ์เป็น 
        3A - 1B . หน้าสัมผัสแบบ B ที่อยู่ล่างสุดนั้นต่อกันได้โดยอาศัยอำนาจแม่เหล็กถาวรที่วางไว้ใต้หลอดแก้ว 
        แม่เหล็กถาวรดังกล่าว ผู้ออกแบบจะพยายามไม่ ให้มีผลกระทบต่อการทำงานของหรีดอื่นๆ 
        ที่อยู่ใกล้เคียง. หรีดที่อยู่ล่างสุดจึงได้รับอิทธิพลจากสนามแม่เหล็กของเม่เหล็กถาวรเพียงอันเดียว. 
        
      รูปที่ 9 หรีดรีเลย์ 
        หน้าสัมผัสแบบ 3A-1B  
       รูปที่ 
        10 เป็นหรีดรีเลย์อีกแบบหนึ่ง ประกอบด้วยหรีด 2 ชุด มีหน้าสัมผัสแบบ A และ 
        แบบ B ต่อกันได้ด้วยแม่เหล็กถาวร ที่วางไว้ส่วนบน หน้าสัมผัสแบบ A อยู่ข้างล่าง 
        เมื่อรีเลย์ทำงานหน้าสัมผัสแบบ B จะ " เปิด " และ หน้าสัมผัสแบบ A จะ " ปิด 
        " ทั้งแบบ A และ แบบ B ต่างก็มีหน้าสัมผัส 1 ชุด จึงเขียนสัญลักษณ์เป็น 1A 
        - 1B. 
        
      รูปที่ 10 หรีดรีเลย์ 
        หน้าสัมผัสแบบ 1A-1B  
       ภายในขดลวด 
        1 ชุด จะสามารถใส่ " Pole " ไว้ได้หลายๆ อันดังได้กล่าวมาแล้ว ( คำว่า " 
        Pole " ในที่นี้ หมายถึง แต่ละคู่ของหน้าสัมผัสที่อยู่ในหลอดแก้วของตัวเอง 
        ) การที่ใส่ " Pole " หลายๆ อันไว้ในขดลวดเพียงชุดเดียว อาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ 
        กล่าวคือ เนื่องจาก Pole มีหลายอันจึงเป็นการยาก ที่จะทำให้หรีดทุกอันภายในขดลวดนั้นทำงานพร้อมกันได้ 
        เพราะสนามแม่เหล็กที่เกิดจากขดลวดจะไม่เท่ากัน โดยตลอด. สนามแม่ เหล็กจะแรงที่สุดที่ขอบนอกสุดของขดลวด. 
        ผลของสนามแม่เหล็กจะทำให้หรีดที่อยู่ริม ทำงานก่อนหรีดที่อยู่ตรงกลาง ผู้ผลิตรี 
        เลย์พยายามหลีกเลี่ยงปัญหาข้อนี้ โดยจะเอาหรีดที่มีความไวกว่าใส่ไว้ตรงกลาง 
        ( สนามแม่เหล็กอ่อนที่สุด ) และเอาหรีดที่มีความไวน้อยกว่าไว้ริม ( สนามแม่เหล็กแรงที่สุด 
        ) ซึ่งก็พอจะแก้ไขปัญหาได้ .  
       แม้ว่าหรีดรีเลย์จะถูกสร้างขึ้นมานานแต่การใช้งานของมันยังคงเป็นไปอย่างกว้างขวาง 
        และ ได้รับการพัฒนาอยู่ เสมอ . วงจรอิเล็กทรอนิกส์ทั่วๆ ไป เป็นจำนวนไม่น้อยที่มีหรีดรีเลย์เข้าไปเกี่ยวข้อง 
        วงจรบางวงจรในเครื่องชุมสายโทรศัพท์ที่ต้องการความรวดเร็วในการทำงานก็ใช้หรีดรีเลย์ช่วย 
        ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ระบบครอสบาร์ ( crossbar ) หรือ โทรศัพท์ระบบอิเล็กทรอนิกส์ก็ตาม 
        จะประกอบด้วยหรีดรีเลย์เป็นจำนวนมากนอกเหนือไปจากรีเลย์แบบธรรมดา และ อุปกรณ์ประเภทโซลิดสเตทอื่นๆ. 
         
       หรีด 
        รีเลย์มีข้อได้เปรียบอยู่อย่างหนึ่ง คือ ความเล็ก . ด้วยเหตุนี้บริษัทผู้ผลิตนาฬิกาข้อมือ 
        ประเภทที่แสดงเวลาเป็นตัวเลข หรือ รู้กันโดยทั่วไปว่า นาฬิกาคอมพิวเตอร์ 
        . บางบริษัท จึงนำอาหรีดเข้าไปใส่ไว้ในตัวเรือนนาฬิกา เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ช่วยแสดงเวลา 
        ( display ) การใช้งานของหรีดในนาฬิกาประเภทนี้ ไม่ใช้สนามแม่เหล็กจากขดลวดไปทำงานแต่จะใช้แม่เหล็กถาวรแท่งเล็ก 
        ๆ ช่วย เช่น ถ้าจะให้หรีดต่อกันก็เลื่อนแท่งแม่เหล็กออกให้ห่าง จะเห็นว่าการทำงานของหรีดขึ้นอยู่ 
        กับการเคลื่อนที่ของแท่งแม่เหล็ก ดังนั้นหรีดประเภทนี้จึงเรียกว่า หรีดสวิตซ์ 
        ( Reed Switch )  
       นอกจากนี้หรีดรีเลย์ 
        ถูกนำไปใช้เป็นสเต็ปปิ้งสวิตซ์ ( Stepping Switch ) หรือ แซมปลิ้งสวิตซ์ 
        ( Sampling Switch ) ของระบบคอนเวอร์เตอร์ ที่เปลี่ยนระบบจากอะนาล็อก ให้เป็นดิจิตอล 
        ( analog to digital converter system ) อีกด้วย. การใช้งานของหรีดรีเลย์ที่ไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้ยังมีอีกมากมายนัก 
        เชื่อแน่ว่าในอนาคตหากยังไม่มีอุปกรณ์อันใดที่มีคุณสมบัติ และ ความสามารถเท่าเทียมกับหรีดรีเลย์ 
        หรือ เหนือกว่าหรีดรีเลย์ แล้ว. หรีดรีเลย์จะยังคงเป็นอุปกรณ์ที่มีความหมายต่อการใช้งานไปอีกนานทีเดียว. 
         
     |