กลับหน้าบทความอิเล็กทรอนิกส์ | SE-ED.com | Electronics Society | ThailandIndustry.com | Webboards |
วาริสเตอร์ ผู้พิทักษ์วงจร : สว่าง ประกายรุ้งทอง

ที่มา : วารสาร SEMICONDUCTER ฉบับที่ 74 เดือน

หน้าแรก
การประยุกต์การใช้งาน
แนวทางในการใช้


วาริสเตอร์ผู้พิทักษ์วงจร

เดี๋ยวนี้การป้องกันวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงแรงดันมากๆ ทำได้ไม่ยากแล้วครับ . ลงทุนเพียงเล็ก น้อยด้วยอุปกรณ์เพียงตัวเดียว แต่ช่วยรักษาอุปกรณ์ได้มากมายจริง ๆ.

ตัวต้านทานที่แปรค่าตามแรงดันนั้น รียกว่า วาริสเตอร์ ( Varistor ) ซึ่งไม่ค่อยจะเป็นที่รู้จักกันดีนักในหมู่นักอิเล็คทรอ นิกส์ สมัครเล่น โดยวาริสเตอร์นี้มีคุณสมบัติเฉพาะที่เด่น คือ เหมาะสำหรับใช้ป้องกันวงจรทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ และ สารกึ่ง ตัวนำจากแรงดันเกิน ( overvoltages ) บทความนี้จะได้อธิบายถึงการทำงาน คุณสมบัติ และ การประยุกต์นำไปใช้งานต่าง ๆ

รูปที่ 1 (ก) ค่าความต้านทานของวาริสเตอร์จะแปรผกผันกับแรงดันที่ตกคร่อมตัว (ข) กระแสจะไหลแบบเอ็กโปแนนเชียลเมื่อแรงดันเพิ่มขึ้น

วาริสเตอร์จัดเป็นตัวต้านทานที่ไม่เป็นเชิงเส้นซึ่งโครงสร้างภายในผลิตมาจากซิลิกอนคาร์ไบด์ , สังกะสี ออกไซด์ ( Zincite ) หรือ ไททาเนียมออกไซด์ โดยบดสารแหล่านี้ให้เป็นเม็ดเล็กๆ และ นำไปเผาที่อุณหภูมิสูงจนแข็งตัว เป็นเซรามิก. ลักษณะ เด่นของตัวต้านทานที่แปรค่าตามแรงดันนี้ คือ คุณสมบัติระหว่างความต้านทาน ต่อแรงดันนั้น จะสมมาตรกัน. และจะ ไม่ขึ้นกับขั้วของแรงดันด้วย. ดังในรูปที่ 1 ก. ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงแล้วหน้าสัมผัสเดี่ยวใด ๆ ของสารที่ใช้ทำตัวต้านทานจะ ยอมให้กระแสไหลผ่านได้ทางเดียวก็ตาม แต่การกระจายอย่างไม่เป็นระเบียบของหน้าสัมผัสจำนวนมาก. ซึ่งต่ออนุกรม และ ขนานกัน มีผลทำให้เกิดการเรียงกระแสในทิศทางตรงกันข้ามมีจำนวนเท่าๆ กัน. ดังนั้นตัวต้านทานชนิดนี้ จึงสามารถนำไปใช้ งานที่เกี่ยวกับไฟกระแสสลับ. ซึ่งไดโอดที่นิยมนำมาใช้ป้องกันวงจรทั่วไปไม่สามารถใช้งานได้. การทำงานของวาริส เตอร์นั้น สามารถเข้าใจได้ง่ายโดยพิจารณาว่าเป็นซีเนอร์ไดโอดสองตัวต่อหลังชนกัน. เมื่อค่าแรงดันที่ป้อนให้วาริส เตอร์ต่ำกว่าค่าที่ กำหนดไว้. กระแสจะไหลได้น้อย เนื่องจากค่าความต้านทานสูง เมื่อแรงดันเพิ่มขึ้น ค่าความต้านทานจะลดลง. และ กระแสเพิ่ม ขึ้นอย่างเป็นเอ็กโพเนนเชียล ดังในรูป 1 ข.

ความสัมพันธ์ระหว่างค่าแรงดัน ( V ) และ กระแส ( I ) ของวาริส เตอร์สามารถอธิบายได้ด้วยสมการ

V = CI เบต้า

ซึ่ง V มีหน่วยเป็นโวลต์ I มีหน่วยเป็นแอมแปร์ ส่วน C และ เบต้า เป็นค่าคงที่ของสารที่ ใช้ทำตัวต้านทานในทางปฏิบัติ ค่าของ C อยู่ในช่วง 14 จนถึง 2 - 3,000 สำหรับค่า เบต้า นั้น แสดงในตารางที่ 1 เมื่อค่าแรงดัน และ กระแสถูกวาดลงบนสเกล แบบลอก - ลอก ดังในรูปที่ 2 โดยคุณสมบัติระหว่าง V / I จะเป็นเส้นตรงซึ่งมีความชันเท่ากับ เบต้า. คุณสมบัตินี้จะเบี่ยงแบน ไปจากเส้นตรงเฉพาะเมื่อกระแสมีค่าน้อยมาก.

ตารางที่1 แสดงการเปรียบเทียบให้เห็นถึงวาริสเตอร์ชนิดต่าง ๆ

 

รูปที่ 2 การหาค่า เบต้า จากการวาดระหว่างกระแสและแรงดันบนกราฟแบบลอก-ลอก

การเลือกใช้ชนิดของวาริสเตอร์ให้เหมาะสมกับงานนั้น ไม่จำเป็นที่เราต้องรู้ถึงคุณสมบัติของมันอย่างแท้จริง เพียงแต่ รู้ข้อมูลบางอย่าง เช่น

  • ระดับแรงดันช่วงที่วาริสเตอร์เริ่มทำงาน ซึ่งความแหลมของช่วงแรงดันนี้ เป็นคุณสมบัติที่ขึ้นอยู่กับสารที่ใช้ ทำ ยกตัว อย่างเช่น วาริสเตอร์ที่ทำจากสังกะสี - ออกไซด์ จะมีช่วงแรงดันที่แหลมกว่าชนิดที่ทำจากซิลิ กอนคาร์ไบด์. ส่วนวาริส เตอร์ที่ทำจากไททาเนี่ยมออกไซด์ จะมีช่วงแรงดันค่อนข้างต่ำ ( ประมาณ 2.7 โวลต์ ) แรงดันช่วงที่วาริส เตอร์เริ่มทำงาน นี้จะถูกกำหนดมาสำหรับค่ากระแสที่เหมาะสม ซึ่งขึ้นอยู่กับค่าของวาริส เตอร์.
  • เบต้า ( ดูรูปที่ 2 ประกอบ ) ค่าคงที่นี้มีค่าน้อยมากสำหรับวาริส เตอร์ที่ทำจากสังกะสีออกไซด์ ซึ่งหมายความว่า ถึงแม้ว่า จะเพิ่มค่าแรงดันเป็นจำนวนน้อย แต่จะก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นของกระแสอย่างมากมาย.
  • ค่ากระแสยอดสูงสุด หรือ พลังงานของพัลส์สูงสุด ซึ่งสามารถแผ่กระจายออกไป โดยค่าพลังงานของพัลส์สูงสุดนี้ เป็น ตัวแปรที่สำคัญที่สุดในวงจรป้องกัน.
  • กี่ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีความสำคัญ เมื่อเวลาใช้วาริส เตอร์ในวงจรรักษาระดับแรงดัน หรือ วงจรที่มีอัตราการส่ง พัลส์อย่างเร็วมาก.

สงวนลิขสิทธิ์
พ.ศ. 2542-2553 โดยบริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน)
Copyright © 1999-2010 by SE-EDUCATION Public Company Limited. All rights reserved.