เทอร์โมคัปเปิล ตอนจบ
 ในตอนนี้จะอธิบายถึง
เทอร์โมมิเตอร์ หรือ ไพรอมิเตอร์. ในทางปฏิบัติที่สามารถใช้วัดอุณหภูมิได้สูงถึง
900 องศาเซลเซียส เหมาะมากสำหรับการใช้วัดอุณหภูมิในเตาอบขนาดเล็ก ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผา
เครื่องเคลือบ หรือ การปรับคุณสมบัติของโลหะด้วยความร้อน.

การใช้เทอร์โมคัปเปิลชนิด
K ไพโรมิเตอร์แบบง่าย
ๆ เหมาะสำหรับการวัดอุณหภูมิในเตาอบได้สูงถึง
900 องศา
จากตอนที่แล้วได้กล่าวถึงการใช้ความร้อนในการปรับคุณสมบัติของโลหะ
ซึ่งทำมาจากเหล็กกล้า เงิน โดยการอบให้มี อุณหภูมิประมาณ 780องศาเซลเซียสและทิ้งไว้ที่อุณหภูมินี้ประมาณ
15 นาที จึงทำให้เย็นลงอย่างรวดเร็ว โดยการจุ่มลงในน้ำ หรือ ของเหลวชนิดอื่น.
อุณหภูมิจะต้องถูกรักษาไว้ใกล้เคียงกับค่าที่ถูกต้อง. มิฉะนั้นแล้ว ชิ้นส่วนจะไม่เกิดการแข็งอย่างสม่ำเสมอ
และ จะชำรุดเสียหายเมื่อนำไปใช้งาน. ถ้าหากถูกทำให้ร้อนจนเกินไปก่อนี่จะถูกจุ่มให้เย็น.
คาร์บอนบางส่วนในเนื้อเหล็กจะไหม้ สลาย ไปในทางตรงกันข้าม ถ้ากากร้อนไม่เพียงพอ
" สภาวะของแข็ง " ( solid soulution ) ของเหล็กที่มีคาร์บอนที่ถูกต้อง จะไม่
เกิดก่อนที่จะทำการจุ่มให้เย็น ผลึกที่แข็งมากของมาร์เทนไซท์ก็จะไม่เกิดขึ้น.
วิธีการเก่าแก่ในการตัดสินค่าอุณหภูมิที่ถูกต้องก็โดยการดูสีของเนื้อเหล็กด้วยตา
ยกตัวอย่างเช่นที่อุณหภูมิ 780 องศาเซลเซียส
จะอยู่ตรงกึ่งกลางระหว่างแดงเชอรี่
และ แดงสด. ซึ่งสีนี้อาจจะง่ายสำหรับคนที่มีประสบการณ์สูง แต่กับคนที่ไม่
ค่อยมีประสบการณ์อาจคะเนผิดได้. ซึ่งก็มีวิธที่ดีกว่า คือ การวัดด้วยเทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิ
หรือ ไพโรมิเตอร์ ( pyrometer ) ซึ่งมีอยู่หลายชนิด. บางชนิดทำงานโดยการเปรียบเทียบกับสีที่อ้างอิง.
|