การปรับแต่ง
 คราวนี้ต่อแบตเตอรี่
และ เปิด สวิตซ์ ป้อนไฟเข้าเครื่อง. ในตอนแรกที่ยังไม่ได้ต่อโพรบเข้ากับวงจร
สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก็คือ การกระดิกของเข็มเพียงเล็กน้อย ออกจากตำเหน่งสเกลที่เป็นศูนษ์ในทิศทางตรงกันข้าม.
โดยการปรับเทนชิโอมิเตอร์ VR1 สามารถที่จะลบล้างค่าออฟเซ็ตนี้ และ
ทำให้เข็มกลับไปที่ตำแหน่งศูนษ์อีกครั้งหนึ่ง. ลองทดสอบโดยการเปิด และ ปิด
สวิตซ์สักสอง สามครั้ง. เพื่อให้แน่ใจว่าเข็มของมิเตอร์ไม่เคลื่อนที่อีกต่อไป
VR1 จะถูกปรับไว้ที่ตำแหน่งที่ถูกต้องแล้ว และ เป็นการพร้อมที่จะทำการปรับแต่งต่อไป.
การปรับแต่งสามารถทำได้ 2 วิธีด้วยกัน คือ โดยการปรับแต่งวงจรวัดนี้ให้เป็นดีซีมิลลิโวลต์มิเตอร์
หรือ โดยการปรับ แต่งไฟโรมิเตอร์นี้ที่ค่าอุณหภูมิที่ทราบค่า โดยการเทียบกับกับเครื่องอื่นที่ได้รับการปรับแต่งมาแล้ว.
การปรับแต่งโดยวิธีแรกดู เหมือนจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับคนทั่วไป.
วิธีการปรับแต่งนี้มีอยู่หลายวิธีที่เป็นไปได้
ถ้ากากมี ดิจิตอลโวลต์มิเตอร์ หรือมัลติมิเตอร์. วิธีที่ง่ายที่าดก็โดยการปรับแต่ง
โดยเทียบกับดิจิตอลมิดตอร์โดยใช้แหล่งจ่ายไฟกระแสตรงที่ปรับค่าได้ หรือ ใช้แบตเตอรี่
และ วงจรแบ่งแรงดัน เพื่อผลิตแรง ดัน ทดสอบที่เหมาะสมขนาด 50 มิลลิโวลต์.
วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปรับแต่งวงจรวัดที่ตำแหน่งเต็มสเกล.
สำหรับความเที่ยงตรงสูงสุด แต่ถ้าหากคุณไม่มีดิจิตอล มิเตอร์ใด ๆ เลย หรือ
เม้แต่มิเตอร์แบบเข็มที่ดีหน่อยในการปรับเทียบขอแนะนำให้ใช้วงจรทดสอบแบบง่ายๆ
ดังแสดงในรูปที่ 2.

รูปที่
2 เป็นวงจรทดสอบแบบง่าย
ๆ สำหรับการปรับแต่งวงจรวัดของไพโรมิเตอร์
โดยการใช้ถ่านแบบกระดุมใหม่ๆ
ที่ใช้ในกล้องถ่ายรูป ก็สามารถที่จะผลิตแรงดันขนาด 50.5 mV เพื่อต่อเข้ากับอินพุต
ของวงจรวัดของไพโรมิเตอร์ ( แทนที่ เทอร์โมคัปเปิล ) ดังนั้นเมื่อนำไปต่อแล้ว
มันควรจะอ่านค่าสูงกว่าค่าเต็มสเกลบนหน้า ปัดมิเตอร์. ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นให้ปรับโปเทนชิโอมิเตอร์
VR2 จนกระทั่งเข็มมิเตอร์ชี้เต็มสเกลเลยไปเล็กน้อย.
หลังจากที่เสร็จสิ้นการปรับแต่งวงจรวัด
ก็พร้อมที่จะเสียบเทอร์โมคัปเปิลเข้ากับวงจร. จะต้องแน่ใจว่าขาต่อของมันต่อเข้า
กับปลั๊กโดยมีขั้วที่ถูกต้อง โดยดูที่เครื่องหมาย + และ - ที่ทำไว้บนสาย
.
ก่อนที่จะนำไพโรมิเตอร์นี้ไปใช้ มีวิธีการหลายอย่างที่จะขอแนะนำ เกี่ยวกับการใช้.
อย่างแรกได้แก่ เทอร์โมคัปเปิลที่มี เปลือกหุ้ม จะใช้ระยะเวลาคงที่ทางความร้อนระยะหนึ่ง.
ประมาณหลายนาทีก่อนที่เทอร์โมคัปเปิลเองจะมีค่าอุณหภูมิเท่ากับ อุณหภูมิที่เปลือกหุ้ม.
ดังนั้น
ถ้าหากใช้ไพโรมิเตอร์นี้ในการวัดอุณหภูมิของเตาอบขนาดเล็ก. วิธีที่ดีที่สุดก็โดยการปล่อยให้เทอร์โมคัปเปิลถูก
ทำให้ร้อนโดยเตาอบด้วยตัวเองอย่างช้าๆ และ ปล่อยทิ้งไว้ในเตาตลอดในระหว่างที่คุณต้องการวัด.
และ เพื่อให้การวัดมีความ เที่ยงตรงมากขึ้น. จะทำให้โพรบนี้สัมปัสกับช่วงเวลาการรับความร้อน
และ การเย็นตัวลงหลายๆ ครั้ง เพื่อเป็นการยืดอายุงาน.
ข้อแนะนำอื่นก็คือ
การจำเทคนิคที่ถูกต้องในการวัดค่าอุณหภูมิ โดยการใช้เทอร์โมคัปเปิล ดังที่ได้
กล่าวมาแล้วในตอน ที่แล้วว่า แรงดันเอาต์พุตของเทอร์โมคับเปิลที่วัดได้โดยมิเตอร์จริงๆ
แล้วเป็นค่าความแตกต่างระหว่างแรงดันซีเบคที่เกอดขึ้น จากรอยต่อการทำงาน
และ รอยต่ออ้างอิง.
สำหรับการวัดค่าอุณหภูมิที่เที่ยงตรง.
สิ่งที่จำเป็นต้องทำได้แก่ การวัด 2 สิ่ง คือ อย่างแรกเป็นการอ่านค่าจากไพโรมิเตอร์
และ อย่างที่สอง อ่านค่าอุณหภูมิของสภาพแวดล้อม ( ที่ตัวโพรบ และ วงจรวัดทำงานอยู่
) โดยการใช้ เทอร์โมมิเตอร์ แบบ ธรรมดา.
และ
จากตารางที่ 2 ในตอนนี้แล้ว หรือ จากตารางสมมูลย์ สำหรับเทอร์โมคัปเปิลที่กำกับมา.
ลองหาค่าแรงดันของรอย ต่ออ้างอิงซึ่ง สอดคล้องกับค่าอุณหภูมิของสภาพแวดล้อม
ซึ่งจะทำให้หาค่าแรงดันที่รอยต่อทำงานจริงๆ ออกมาได้ โดยสมการ ง่ายๆ คือ
Va = Vm + Vr
เมื่อ
Va
เป็นแรงดันจริงๆ Vm
เป็นแรงดันที่วัดได้โดยมิเตอร์ และ Vr
เป็นอุณหภูมิของรอยต่อที่อ้างอิงดังที่หาได้จาก ตาราง. ขั้นสุดท้ายก็โดยการกลับไปยังตารางที่
2 จากค่าที่ถูกต้องของ Va
เราจะสามารถหาค่าอุณหภูมิจริงๆ ที่โพรบกำลัง วัดอยู่ได้.
นอกจากนี้
ถ้าหากต้องการตรวจสอบการปรับแต่งค่าอุณหภูมิ ของไพโรมิเตอร์ก็สามารถทำได้โดยการใช้สารที่เราทราบ
ค่าจุดหลอมเหลวแน่นอน. ยกตัวอย่าง เช่น อลูมิเนียมบริสุทธิ์ มี จุดหลอมเหลวอยู่ที่
658 องศาเซลเซียส ในขณะที่สังกะสีมีจุด หลอมเหลวอยู่ที่ 419 องศาเซลเซียส
. แต่เพื่อความเที่ยงตรง จำเป็นต้องตรวจสอบอุณหภูมิในช่วงการหลอมเหลว และ
การแข็ง ตัวในสองทิศทาง คือ จากของแข็ง เริ่มหลอมเหลวเป็นของเหลว และ จากของเหลว
เริ่มเย็นตัวลงเป็นของแข็ง. แล้วจึงนำค่า ทั้งสองนี้ มาหาค่าเฉลี่ย.
จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้
คงทำให้คุณผู้อ่านรู้จักถึงการทำงานของเทอร์โมคัปเปิลบ้าง. ตลอดจนชนิดต่างๆ
ของเทอร์โม คัปเปิลที่มีขายกันอยู่ในขณะนี้. รวมถึงวงจรที่ใช้วัดค่าอุณหภูมิแบบง่ายๆ
ซึ่งก็คงจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อย.
|