ฟาสต์-รีคัฟเวอรี่ไดโอด
: ชูเกียรติ วัฒนากูล
|
|
หน้าแรก |
เอปปิตาเชียลเทคโนโลยี รูปที่ 1 แสดงเปรียบเทียบการโต๊ปสารกึ่งตัวนำระหว่าง ก. ฟาสต์-รีคัฟเวอรี่ไดโอดชนิดเอปปิตาเชียล ข. ไดโอดชนิดดับเบิล-ดิฟฟิวส์ ไดโอดชนิดนี้ใช้เทคโนโลยีแบบเอปปิตาเชียลในการสร้าง ซึ่งมีข้อดีกว่าวิธีการสร้างไดโอด ด้วยกรรมวิธีดับเบิล-ดิฟฟิวส์ (double-diffused) ใน รูปที่1 เป็นการเปรียบเทียบ วิธีการโด๊ปสารกึ่งตัวนำในการสร้างไดโอดทั้งสองแบบ ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เทคโนโลยีแบบเอปปิตาเชียลจะควบคุมวัสดุที่ใช้อย่างละเอียด โดยเฉพาะตรงรอยต่อของสาร ความลึกและความหนาของสารชั้นรองจะถูกควบคุมเพื่อให้ได้ไดโอดที่มีประสิทธิภาพ และความเร็วสูงด้วย รูปที่ 2 ขั้นตอนการสร้างฟาสต์-รีคัฟเวอรี่ไดโอดชนิดเอปปิตาเชียล จากรูปที่ 2 เป็นขั้นตอนการผลิตฟาสต์-รีคัฟเวอรี่ไดโอดชนิดเอปปิเชียล ที่รอยต่อของไดโอดจะเติมแก้ว เพื่อปิดสารเอ็นที่ยืดขยายออก แก้วที่เติมลงไปนี้มีข้อดีคือ ประการแรก ขอบรอยต่อจะถูกป้องกัน ไม่ให้มีผลกระทบจากรอยต่อที่ติดกัน ประการที่สอง สามารถที่จะนำอุปกรณ์นี้ไปทดสอบได้โดยไม่ต้องห่อหุ้มก่อน ประการสุดท้ายก็คือ จากการทดสอบเป็นเวลานานพบว่าอุปกรณ์ที่เติมแก้วลงไปให้ผลคงที่มาก สำหรับไดโอดเบอร์ BYW29 ยังมีลักษณะเด่นอีกคือ โลหะที่ห่อหุ้มตัวถังซึ่งต่อกับสายตัวนำภายนอก จะไม่ห่อหุ้มสารซิลิกอนโดยตรง แต่าจะมีทองคำห่อหุ้มผสม กับซิลิกอนชั้นหนึ่งก่อน ข้อดีของวิธีนี้คือ ทำให้ความต้านทานระหว่างโลหะตัวนำกับซิลิกอนลดลง ความต้านทานนี้จะเป็นตัวกำเนิดความร้อน (thermal resistance) เนื่องจากทองคำที่หุ้มซิลิกอนมีสภาพการนำความร้อน ดีกว่าการใช้ตัวนำดีบุกหลอมที่ใช้กับไดโอดทั่วไป เมื่อผลจากอุณหภูมิลดลงจะทำให้การทำงานของอุปกรณ์ที่เติมแก้วลงไปให้ผลคงที่มาก รูปที่ 3 แสดงรูปตัวถังของไดโอด ก. เบอร์ BYW29 ข. เบอร์ BYW30 ค. เบอร์ BYW31 ง. เบอร์ BYW92 สำหรับไดโอดเบอร์ BYW29 ยังมีลักษณะเด่นอีกคือ โลหะที่ห่อหุ้มตัวถังซึ่งต่อกับสายนำภายนอก จะไม่ห่อหุ้มสารซิลิกอนโดยตรง แต่จะมีทองคำห่อหุ้มผสมกับซิลิกอนชั้นหนึ่งก่อน ข้อดีของวิธีนี้คือ ทำให้ความต้านทานระหว่างโลหะตัวนำกับซิลิกอนลดลง ความต้านทานนี้จะเป็นตัวกำเนิดความร้อน (thermal resistance) เนื่องจากทองคำที่หุ้มซิลิกอนมีสภาพการนำความร้อนดีกว่าการใช้ตัวนำดีบุกหลอมที่ใช้กับไดโอดทั่วไป เมื่อผลจากอุณหภูมิลดลงจะทำให้การทำงานของอุปกรณ์มีประสิทธิภาพและอายุการใช้งานสูงขึ้น ตารางที่ 1 แสดงข้อมูลโดยย่อของฟาสต์-รีคัฟเวอรี่ไดโอดชนิดเอปปิตาเชียล สำหรับรูปที่ 3 แสดงลักษณะตัวถังของไดโอดแต่ละเบอร์ โดย BYW29 จะเป็นตัวถังชนิด DO-220 ซึ่งปรับปรุงมาจาก TO-220 ส่วน BYW30 และBYW31 อยู่ในตัวถัง DO-4 และ BYW92 อยู่ในตัวถังชนิด DO-5 สำหรับตัวถัง DO-4 จะมี 2 ขนาดคือ แบบหัวโต และแบบมาตรฐาน ถ้าต้องการแบบหัวโตจะมีอักษร U กำกับไว้ เช่น BYW31-100U (100 แสดงค่าทนแรงดันย้อนกลับ) รูปที่ 4 แสดงคุณสมบัติทางตรงของไดโอดเบอร์ BYW31 รูปที่ 4 แสดงคุณสมบัติทางตรงของ BYW31-100U (100 แสดงค่าทนแรงดันย้อนกลับ) รูปที่ 5 แสดงการเปรียบเทียบคุณสมบัติทางกลับของไดโอดแต่ละชนิด รูปที่ 5 แสดงการเปรียบเทียบกระแสรั่วไหลย้อนกลับ (reverse-leakage characteristics) ของฟาสต์-รีคัฟเวอร์ไดโอดทั้ง 3 ชนิดคือ ชนิดเอปปิตาเชียล,ดับเบิลฟิวส์และชอตต์กีแบบเรียร์ จากกราฟจะพบว่าคุณสมบัติของเอปปิตาเชียลและดับเบิลดีฟฟิวส์ดีกว่าชนิดชอตต์กีแบเรียร์ รูปที่ 6 แสดงประจุสะสม Qs ของ BYW30 ที่กระแสทางตรงต่างกัน รูปที่ 6 แสดงค่าประจุสะสม (Qs) ซึ่งเป็นฟังกชันของการเปลี่ยนแปลงกระแสทางตรงต่อเวลา (dlf / dt) โดยวัดที่ค่ากระแสทางตรงต่าง ๆ (Byw30) รูปที่ 7 แสดงค่าเก็บประจุขณะแรงดันย้อนกลับของเบอร์ BYW30 สำหรับรูปที่ 7 เป็นกราฟแสดงค่าความจุบริเวณรอยต่อ (Cj : BYW.30) ซึ่งเป็นฟังก์ชันของแรงดันย้อนกลับ (Vr : reverse voltage) |
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2542-2553 โดยบริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) Copyright © 1999-2010 by SE-EDUCATION Public Company Limited. All rights reserved. |